หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2557

น้ำพริกเห็ดอบสมุนไพร

น้ำพริกเห็ดอบสมุนไพร
เครื่องปรุง
พริกแห้งเม็ดใหญ่ 10 เม็ด
เห็ดนางฟ้า 1 กิโลกรัม
ตะไคร้ 20 ต้น
ใบมะกรูด 15 ใบ
เกลือป่นครึ่งช้อนชา
น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย

วิธีทำ
1. นำเห็ดนางฟ้าสดๆ ตัดก้านแข็งๆออก ฉีดเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปผึ่งพอแห้งหมาดๆ
2. นำลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน โขลกหรือบดพอแหลก
3. คั่วพริกแห้งให้เม็ดพริกพอง ตักขึ้นพักให้เย็น พริกจะเหลืองกรอบ หลังจากนั้นนำไปโขลกให้ละเอียด
4. ตะไคร้ ใบมะกรูด ล้างซอย ผึ่งพอหมาด ๆ ทอดหรืออบจนกรอบ
5. ผัดเครื่องที่โขลกทั้งหมด กับน้ำมันเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล น้ำมะขามเปียก ออกรสเค็ม หวาน เปรี้ยว คั่วให้มีลักษณะแห้ง น้ำพริกที่ได้จะเป็นเม็ดเล็ก ๆ เหมือนเม็ดถั่วเขียว

แนะนำ รีวิวร้านอาหาร ร้านอาหาร

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ร้านอาหาร ข้าวต้มปลาผักกาดดอง


 ร้านอาหาร ข้าวต้มปลาผักกาดดอง
ส่วนผสม
ข้าวสวย 1 1/2 ถ้วย
ผักกาดดองหั่นบาง 3/4 ถ้วย
เนื้อปลาเก๋า ปลากะพง หรือปลาอินทรี หั่นชิ้นพอคำ 1 ถ้วย
ขึ้นฉ่ายหั่นเป็นชิ้นยาว 2 ต้น
น้ำสต๊อกประมาณ 2 1/2 ถ้วย
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่นเล็กน้อย
วิธีทำ
ต้มน้ำสต็อกให้เดือดใส่ผักกาดดองลงต้ม ไฟไม่ต้องแรง เดือดสักครู่ใส่ข้าวที่หุงไว้ ต้มจนข้าวเริ่มบาน และผักกาดดองนิ่ม ใส่เนื้อปลา ไม่ต้องคนรอจนเดือดก่อน ใส่ซีอิ๊วขาว ต้มจนปลาสุก ก่อนยกขึ้นใส่ขึ้นฉ่าย โรยพริกไทยป่น รับประทานร้านอาหารร้อนๆ

เคล็ดลับ
- เมื่อนำข้าวสวยมาหุงเป็นข้าวต้มน้ำซุปจะไม่ขุ่น แต่จะหุงข้าวต้มด้วยวิธีปกติก็ได้น้ำซุปจะขุ่นเล็กน้อย
- ผักกาดดองนี้เป็นชนิดไม่มีใบจะซื้อชนิดกระป๋องหรือที่ดองตามตลาดของจีนก็ได้ ไม่ต้องแช่น้ำเพราะรสจะจืด ล้างให้สะอาดก็พอ ถ้าชอบจะใส่น้ำผักกาดดองไปช่วยชูรสอีกนิดก็ได้
- เนื้อปลาต้องสด ใส่ในขณะที่น้ำเดือดและห้ามคน และควรรับประทานทันที ถ้ากลัวเหม็นคาวให้แช่ปลาในน้ำนมไว้ในตู้เย็นสักครู่ หรือนำมาลวกก่อนโดยใช้น้ำขิงผสมกับเหล้าโรงใส่ในน้ำที่ลวกจะช่วยแก้ได้
แนะนำ ร้านอาหาร รีวิวร้านอาหาร

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ดูปลาวาฬ บริเวณ บางตะบูน

รีวิวท่องเที่ยวดูปลาวาฬ บริเวณ บางตะบูน
เพื่อนๆและผู้ที่ไม่ได้รู้ทุกท่าน..วันนี้ผมพาคุณๆทุกคนไปดูปลาวาฬกัน...ที่สถานท่องเที่ยวที่แห่งหนึ่งเรามาดูกันซิว่า!! สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นจะเป็นที่ไหน? โปรดตามกันเลยฮะ
ในเรือลำเล็กๆสีส้มแจ๋ดเริ่มเคลื่อนป๊อกแป๊ก เคลื่อนออกจากท่าเรือปากแม่น้ำบางตะบูน อำเภอบ้านแหลม เพชรบุรี ตั้งหน้าตั้งตาสู่อ่าวไทยตอนบน ที่เรียกชื่อกันจนชินปากว่า อ่าวไทยรูปตัว ก เพื่อพาผมไปชมวาฬบรูด้า สิงสาราสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ใหญ่ที่สุดของเมืองไทย
รุ่งแจ้งวันนั้น แนวๆช่างสนุกสนาน แสงตะวันแผดจ้าลมรำเพยมาเอื่อยๆมีริ้วคลื่นเล็กๆวิ่งไล่กันอยู่ใต้กราบข้างคูน้ำที่เรือแล่นไป มีนกน้ำหลายพันธุ์เกาะอยู่บนเสาไม้ที่ปักไว้เป็นกระบวน เพื่อสาธิตย่านของผู้ได้รับยอมจากกรมประมง ให้เลี้ยงชีพเลี้ยงหอยแมลงภู่ เลี้ยงปลาทะเล หรือทำโพงพางจับปลา มีบ้านเรือนพักกลางชายทะเลที่เรียกว่า กระเตง ปลูกสร้างอยู่ในเขตรั้วเหล่านั้น ทั้งนั้นทางเดินที่ข้าพเจ้าพ้นไป เห็นแล้วก็ประสงค์จะขึ้นไปนอนเล่นสงบสติอารมณ์หลีกลี้จากเรื่องวุ่นวายของชาติบ้านเมืองหลายๆวัน
ผู้ร่วมทีมที่ลงเรือร่วมเดินทางกันไปสิบคนท่องเที่ยวพากันนั่งชมนกชมไม้สองฝั่งน้ำกันอย่างเพลิดเพลิน พอเรือแล่นพ้นปากแม่น้ำบางตะบูน เข้าสู่ทะเลอ่าวไทย เสาไม้ โพงพาง และกระเตงก็เริ่มลบเลือนจากระดับสายตา น้ำเริ่มขุ่นข้นเป็นสีเขียวด้วยแพลงก์ตอน ปลากะตักตัวเล็กๆที่เป็นอาหารการกินโปรดของวาฬบรูด้าโดดหยอยๆทำขึ้นมาเหนือน้ำ เสมอเหมือนว่ายท้าแข่งความเร็วกับในเรือเรา บางตัวซวย โลดเต้นขึ้นมานอนแอ้งแม้งบนพื้นเรือ กัปตันเล่าว่ากว่าจะแล่นเรือกลับถึงบ้าน กระผมจะได้ปลากะตักแดดเดียวไปทอดกินเป็นกับอาหารมื้อเย็นจานใหญ่
โน้นๆ...วาฬขึ้นแล้ว... เสียงพวกผมตะโกนบอกใจเต้น ชาวเรารีบคว้ากล้องถ่ายรูปแล้วลุกไปกระจายหามุมดีๆอยู่ตามหัวเรือและข้างเรือที่ดูวาฬบรูด้าโผล่หัวอยู่ ซึ่งประหนึ่งกรวยสีดำที่โงขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้วก็มุดลาลับ กัปตันพาเรือแล่นเข้าไปประชิดเนื้อที่ที่เห็นวาฬโผล่ขึ้นมา แล้วก็ปล่อยเกียร์ว่างเพื่อไม่ให้เป็นผลร้ายกับวาฬผมคอยอยู่เงียบๆอย่างเยือกเย็นเร็วๆ นี้นักวาฬก็โผล่ขึ้นมาให้ข้าพเจ้าได้สังเกต การวางท่าที่อ้าปากหากินแล้วมีนางนวลเหินอยู่ทั่วๆนั้นช่างงามเหลือทน พอเพียงกินแล้วเสร็จวาฬก็ลอดลงดำน้ำ แล้วพ่นน้ำผ่านรูหายใจเป็นฝอยๆ ประหนึ่งน้ำพุพร้อมกับมีกลิ่นไอปลาเน่าพัดตามลมมากลิ่นไอฉุยๆเหมือนวาฬผายลมให้เราสูด
เมื่อวานก็ท่องเที่ยวกันจนอ่อนเพลียกันมาเพียบแหละนะครับผม...จำต้องขอตัวไปหาถิ่นท่องเที่ยวที่ดีเจ๋งมาให้ศึกษากันอีกนะครับผม
แหล่งที่มา  รีวิวท่องเที่ยว

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

ปิดภาคเรียนก็เลยไปรีวิวท่องเที่ยวน้ำตก

ปิดภาคเรียนก็เลยไปรีวิวท่องเที่ยวน้ำตก
ปิดภาคเรียนภาคคิมหันต์นี้มีสถานที่รีวิวท่องเที่ยวกันหรือยังเอ่ย เมื่อวันก่อนข้าพเจ้าจะมาแนะนำสถานที่รีวิวท่องเที่ยวคลายอุณหภูมิกันค่ะนั่นก็คือ น้ำตก เจ็ด ชั้นหรือที่ร้องเรียกกันว่าน้ำตกเอราวัณนั่นเองค่ะ อยู่ในสภาพที่อำเภอศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรีจ๋า แต่มิตรสหายทราบไหมขาว่า เพราะเหตุใดจึงร้องเรียกเจ้าน้ำตกนี้ว่า น้ำตกเอราวัณ พื้นเพของชื่อน้ำตกนี้ก็ตกว่า น้ำตกเอราวัณจะมีทั้งหมด เจ็ด ขั้น ซึ่งแต่ละชั้นจะมีความงามเลิศงามที่แตกต่างกันมีทั้งสัตว์สวยเช่นตัวปลาที่แหวกแหวกว่ายในผืนน้ำ หรือจะเป็นบุปผชาติป่านานาพันธุ์ เถาวัลย์ที่เกี่ยวกับไม้ใหญ่ใหญ่ และมีนกป่าอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่ส่งเสียงร้องทำให้ได้แนวๆธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แต่ที่แน่ๆที่สุดก็คือชั้นที่ 7 ที่เป็นชั้นเหนือสุดของน้ำตกจะมีท่อน้ำ ไหลมาตามชั้นหินเป็นที่ว่างประมาณการ 1,500 เมตรเมื่อมองลงมาจากชั้น 7 ทำให้ดูราวกับกับหัวช้างเอราวัณซึ่งมี 3 หัว จึงเป็นที่รู้จักมักคุ้นของนักรีวิวท่องเที่ยวและเป็นเค้ามูลของชื่อ น้ำตกเอราวัณและชื่อของวนอุทยาน แห่งชาตินี้ด้วยจ้ะ เรามาชมอารมแต่ละชั้นกันดีกว่าค่ะว่าสูงเด่นประมาณไหน

น้ำตกชั้นแรกมีชื่อว่า ไหลคืนรังค่ะ เกี่ยวกับชั้นนี้เดินสบายๆไม่ทันเหนื่อยก็ถึงแล้ว สำหรับชั้นนี้จะมีปลาที่ชื่อว่า ปลาพวง อาศัยอยู่ดารดาษ และจะมีปลาน้ำจืด พาง ปลาตละกูลปลาตะเพียน มัจฉาจำพวกนี้จะพอใจที่พักอยู่ที่เนื้อที่ธารน้ำตก ซึ่งทำเลชั้นแรกนั้นจะมีน้ำสีฟ้าเขียวและน้ำใสๆเหมาะสำหรับเด็กเล็กทำได้ลงไปเล่นได้โซนด้านข้างจะมีโต๊ะไว้ให้เพราะว่านั่งชมวิว ชั้นที่ 2 มีชื่อว่า "วังมัจฉา" ซึ่งอยู่ถัดจากชั้นแรกมาน้อยมากเองท่าว่าถ้ามาถึงแล้วยับยั้งเสียที่จะเดินเลยทำขึ้นมาชั้น สอง เนื่องมาจากชั้นนี้มีความงดงามของม่านบังตาน้ำตกซึ่งปรากฏหลังสายน้ำตกที่ไหลลงมา มีน้ำกระเซ็นเรี่ยรายได้อารม และที่สำคัญคือ นักท่องเที่ยวทำเป็นเดินไปด้านหลังม่านน้ำตกนี้ได้ค่ะ ชั้นที่ สาม มีชื่อว่า"ผาน้ำตก"เป็นขั้นที่น่าเล่นน้ำเป็นอย่างหนัก ชั้นนี้จะมีเสียงน้ำไหลลงมาจากผาชัน ดังชื่อชั้นเลยค่ะ ต่อจากนั้นจะมีตะพานให้ก้าวเดินข้ามไปจะเห็นชั้นที่ สี่ ที่มีชื่อว่า"อกผีเสื้อ" ชั้นนี้คงมีน้ำน้อยกว่าชั้นอื่นๆแต่ก็ทำให้เราเห็นว่า ทรงของหินที่อยู่ในน้ำตกชั้นนี้ เพ่งดูดังกับอกของสุภาพสตรี หรืออกของนางผีเสื้อมหาสมุทร ที่มีน้ำตกไหลทั้งหมดหินกลมมน ก้อนยิ่งใหญ่ สอง ก้อนดูแล้วนิ่มนวลสวยมหาศาลเลยขา ต่อจากนั้นถ้าเราเดินหนโดยชั้นที่ สี่ ไปชั้นที่ 5 ระยะห่างทางจะเริ่มไกลขึ้นจ้ะ ต้องเดินขึ้นเขาต่อจากนั้นอีกถึง 600 เมตรเลยเทียว ต้องเดินไปพักไปแต่ตอนที่ทางจะมีจุดพักชมวิวอยู่จ้ะ ชั้นที่ 5 มีชื่อว่า"เบื่อไม่ลง" ด้วยซ้ำรูปพรรณสัณฐานของสายน้ำที่ไหลตกลงมาตามชั้นหินเตี้ยๆอเนกชั้นบวกกับน้ำ ที่มีสีฟ้าเขียวทำเอาเกิดความสวยน่าหลงใหลได้ปลื้มเป็นยวดยิ่งสมกับที่ชื่อเบื่อไม่ลงแท้จ้ะ ใกล้ข้อเท็จจริงเข้ามาปกติแล้วหรือไม่จ้ะ อีก 2 ชั้นเองข้าพเจ้าจะถึงชั้นบนสุดกันแล้วเดินต่อมาเป็นชั้นที่ หก มีชื่อว่า" ดงพฤกษา" ชั้นนี้จะมีม่านน้ำที่แหวกฉากพฤกษาเอามาเลย เมื่อดูแล้วมันจากที่เดินร้อน ๆ เห็นอย่างนี้แล้วทำให้รู้สึกเย็นฉ่ำทำขึ้นมารวดเร็วเลยก็จบไปแล้วเหตุด้วยการรีวิวท่องเที่ยวน้ำตก 7 อันดับ”เอราวัณ”จังหวัดกาญจนบุรี ครั้งหน้าจะพาไปรีวิวท่องเที่ยวแห่งใดนั้นคอยตามแล้วกัน

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วิธีทำบะหมี่แห้งหอยทะเล

บะหมี่แห้งหอยทะเล

วันนี้เราจะเอาหอยทะเลมาปรุงในเส้นบะหมี่ลวกได้อย่างน่าสนใจ น่าอร่อย ซึ่งเมื่อบริโภคแล้วก็เกิดรสชาติที่ถูกอกถูกใจแน่นอน เพราะรสชาติของหอยทะเลที่เอามาปรุงเป็นส่วนผสมที่ถือว่าเป็นหลักสำคัญได้แก่
หอยแมลงภู่
หอยนางรม
หอยแครง
ถือได้ว่าเป็นการนำเอาหอยทะเล 3 ชนิด มาผสมผสานกันเพื่อให้เกิดรสชาติที่ดี ทำให้เกิดรสชาติที่เอร็ดอร่อยไม่น้อย แปลกดีด้วยสำหรับการปรุงบะหมี่หอยทะเลชามพิเศษนี้
สำหรับหอย 3 ชนิด ที่เอามาผสมผสานเข้าด้วยกันนี้ก็ต้องเอามาปรุงให้สุกก็มี เอามาปรุงทั้งดิบๆก็มี คือ
เอาหอยแครงมาลวก พอสุก เสร็จแล้วก็แกะเอาแต่เนื้อไปใช้
เช่นเดียวกันแกะหอยแมลงภู่ แล้วเอามาชุบแป้งทอดกรอบเสียก่อน จึงเอามาปรุงในบะหมี่ที่ลวกไว้
หอยนางรม เป็นการเอาเนื้อหอยสดๆมาปรุงด้วยเช่นเดียวกับการปรุงเป็นอาหารประเภทยำนั่นเอง เพราะหอยชนิดนี้จะต้องเอามาบริโภคกันสดๆ มากกว่าเอามาต้มหรือลวก เพื่อให้เกิดรสชาติที่ดีและมีความโดดเด่นของเนื้อหอย
อาหารพิเศษชามนี้ จะต้องเป็นบะหมี่แห้งหอยทะเลเท่านั้น จึงจะได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของบะหมี่แห้งหอยทะเลที่แท้จริง ไม่เหมาะกับการปรุงเป็นบะหมี่น้ำหอยทะเล
คราวนี้ลองมาพิจารณาดูเครื่องปรุงและส่วนผสมของบะหมี่แห้งหอยทะเลกันได้ดังต่อไปนี้

บะหมี่แห้งหอยทะเล

เครื่องปรุง

กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
กุ้งแห้งตัวเล็กคั่วแล้ว 10 ตัว
ถั่วลิสงคั่วป่น ½ ช้อนชา
เส้นบะหมี่ 2 ก้อน
ถั่วฟักยาวหั่นแฉลบบางๆ 1 ฝัก
หอยนางรมสดตัวขนาดกลางแกะแล้ว ½ ถ้วยตวง
หอยแครงลวกแกะเอาแต่เนื้อ 10 ตัว
หอยแมลงภู่ ชุบแป้งทอดกรอบ 5 ตัว
เครื่องปรุงรส รสไก่ชนิดผง 1 ช้อนชา
ตั้งฉ่าย 1 ช้อนชา
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
ต้นหอม ผักชี หั่นหยาบๆ
พริกไทยป่น
น้ำปลา ½ ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนชา
ซอสถั่วเหลืองปรุงรส ½ ช้อนชา
วิธีปรุง
เอาถั่วฟักยาวที่หั่นแฉลบๆ ลวกเล็กน้อยลองก้นชามเอาไว้ ก่อนอื่นเพื่อเพิ่มรสชาติแทนถั่วงอกดิบหรือผักกวางตุ้งอย่างที่คุ้นเคยกัน
            จากนั้นก็ลวกเส้นบะหมี่ทันที ตามที่ได้แนะนำเอาไว้แต่แรก
จากนั้นก็เอาใส่ชามทันที เมื่อเสร็จกระบวนการลวกต่างๆแล้ว เอากระเทียมเจียวที่มีน้ำมันพืชผสมอยู่แล้ว คลุกเคล้าเข้าด้วยกัน กระจายเส้นบะหมี่ให้ออกจากกัน
ใส่ น้ำปลา ซีอิ๊วขาว ซอสถั่วเหลืองปรุงรส น้ำตาลทราย ถั่วลิสงคั่วป่น พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น
ใส่ตั้งฉ่าย กุ้งแห้งตัวเล็กลวก น้ำมะนาว เครื่องปรุงรส รสไก่ชนิดผง โรยพริกไทยป่นเล็กน้อย ใส่ต้นหอม ผักชีหั่นหยาบๆกระเทียมเจียว
สิ่งที่สำคัญอย่างมากก็คือ การวางหอยนางรมสดลงไป วางหอยแครงลวกแกะแล้ว วางหอยแมลงภู่ที่ชุบแป้งทอดกรอบ แล้วลงไปอีกอย่างหนึ่ง
ผู้กินจะต้องเอามาปรุงรสชาติด้วยเครื่องปรุงต่างๆได้อีกตามแบบฉบับของการบริโภคก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่ทั้งหลาย ปรุงกันตามชอบ แต่ขอแนะนำว่าการบริโภคก๋วยเตี๋ยวหรือบะหมี่นี้น่าจะลองคลุกเคล้ากันก่อนปรุงแล้วลองชิมรสชาติดูก่อน
นี่แหละบะหมี่แห้งหอยทะเลชามพิเศษ ที่เสนอต่อท่านที่สนใจเอาไปปรุงกินกันเองก็ดี อร่อยแปลกได้รสชาติที่น่าลิ้มลอง


วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2557

สถานที่ท่องเที่ยวดีๆ

สถานที่ท่องเที่ยวดีๆ

มาแล้ววววมนต์กลับมารยงานตัวแล้วค่ะคิดถึงมนต์กันรึป่าวแล้วสบายดีกันรึป่าวส่วนตัวมนต์เองก็สบายดีนะ(ไม่มีใครถามเลยแค่อยากจะบอกเฉยๆ 5555) ช่วงนี้เพื่อนๆ วางแผนจะไปเที่ยวที่ไหนกันรึป่าวถ้าไงก็ขอให้เที่ยวให้สนุกนะเที่ยวเผื่อมนต์ด้วยนะเอ่อแล้วก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะเป็นห่วงและสำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่รู้ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีวันนี้มนต์ก็จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวดีๆ มาฝากเพื่อนๆ กันด้วยแหละซึ่งวันนี้มนต์จะพาเพื่อนๆ ไปรีวิวท่องเที่ยวที่จังหวัดกาญจนบุรีกันจะพาเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับความงามของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีขุนเขาโอบล้อมสวยงามมากๆ เลยค่ะซึ่งที่จังหวัดกาญจนบุรีก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายที่เลยค่ะไม่ว่าจะเป็นเขาช้างเผือกเป็นเขาที่สูงที่สุดของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิซึ่งบนยอกเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้าเพื่อนๆ จะได้พบกับความสวยงามและก็น่าหวาดเสียวไปพร้อมๆ กันแล้วเพื่อนๆ ก็ยังจะเห็นวิวรอบๆ ที่สวยงามอีกด้วย  มาดูแหล่งท่องเที่ยงที่สองกันเลยก็คือสะพานลูกบวบซึ่งหลังจากที่สะพานมอญได้พังถล่มลงมาเมื่อตอนช่วงกลางปีที่ผ่านมานี้ชาวบ้านที่นี่ก็เลยร่วมแรงร่วมใจกันสร้างสะพานลูกบวบขึ้นมาเพื่อที่จะใช้เป็นแพชั่วคราวในการสัญจรข้ามแม่น้ำระหว่างที่รอการซ่อมแซม

สถานที่ท่องเที่ยว


สะพานไม้หรือสะพานมอญชั่วคราวซึ่งทุกวันนี้สะพานลูกบวบก็เลยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ไปแล้วถ้ามีโอกาศเพื่อนๆ อย่าลืมแวะไปชมไปดูกันนะค่ะมันดีจริงๆ แล้วสำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ชอบเที่ยวเกี่ยวกับสถานท่องเที่ยวโบราณก็ต้องที่นี่เลยค่ะปราสาทเมืองสิงห์เพื่อนๆ จะได้ชมศิลปะขอมแบบบายนที่มีที่เดียวในภาคตะวันตกของประเทศไทยรับรองว่าต้องถูกใจกันแน่นอนค่ะ และอีกที่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันเลยก็คือโบสถ์สแตนเลสซึ่งตัวโบสถ์ทำด้วยสแตนเลสแล้วก็มีแค่หนึ่งเดียวในโลกด้วยแล้วภายในบริเวณโบสถ์ก็ยังมีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่สร้างมาจากแสตนเลสอีกด้วยนะถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ที่น่าสนใจมากเลย  เป็นไงบ้างค่ะสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่มนต์เอามาแนะนำให้เพื่อนๆ กันหวังว่าจะถูกใจเพื่อนๆ กันนะค่ะถ้ายังไงก็ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะค่ะมนต์บอกได้เลยว่าเฮ้ยมันดีอ่ะต้องลองสักครั้งหนึ่งในชีวิตนะ แล้วพบกันใหม่ฉบับหน้าแล้วมนต์จะเอาสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่ไหนมาฝากเพื่อนๆ อีกก็ต้องติดตามกันต่อไปสำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ 
แนะนำบทความ ท่องเที่ยว